ปั้นลูกให้เป็นยูทูปเบอร์ที่มีชื่อเสียง ทำยังไง

https://www.youtube.com/embed/Dw9dFbd4Cpc?feature=oembed&autoplay=1

ครอบครัวไหนที่มีลูก แล้วลูกของท่านชื่นชอบในการทำวิดีโอลงยูทูป หรืออยากเป็นยูทูปเบอร์ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายเอง หรือการแสดง สามารถนำไอเดียจากบทนี้ไปใช้ประโยชน์ได้ครับ ก่อนอื่นจะมาบอกประโยชน์ของการทำวิดีโอลงยูทูปกันก่อน ซึ่งประโยชน์ที่คิดว่าจะได้รับอย่างแน่นอนสำหรับเด็ก และครอบครัว มีอยู่ 3 ข้อ ได้แก่

1. ความอบอุ่นในครอบครัว
เมื่อพ่อ แม่ และเด็กได้ทำวิดีโอร่วมกัน เราก็จะมีกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว ทำให้มีสายไย ความผูกพัน และทำให้เกิดความรักในครอบครัวมีมากยิ่งขึ้น เพราะว่าได้มีการทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งข้อนี้ถือว่าเป็นประโยชน์สูงสุด 
2. ความคิดสร้างสรรค์
เมื่อเด็กได้เริ่มทำวิดีโอลงยูทูป เด็ก ๆจะได้รับการฝึกให้มีความคิดสร้างสรรค์ จะต้องคิดว่าต้องทำเนื้อหาอะไร ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง ต้องพูดอย่างไร ทำให้เด็กกล้าคิด กล้าทำ และส่งผลให้เด็กมีความกล้าแสดงออกด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับเด็กเช่นเดียวกัน
3. กระบวนการความคิด เป็นขั้นตอน มีระเบียบ แบบแผน 
ก่อนที่จะทำวิดีโอต่าง ๆ ลงใน YouTube ไม่ใช่เรื่องง่าย จะต้องวางแผนว่าจะทำเรื่องอะไร มีการเตรียมเนื้อหาในการนำเสนอ ไม่เพียงแค่นั้นเราต้องเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆให้พร้อมเสมอ เช่น อุปกรณ์กล้องพร้อมหรือไม่ ได้ทำการชาร์จแบตเตอรี่เรียบร้อยหรือไม่ ต้องดูว่าหน่วยความจำเต็มหรือยัง หรือมีอุปกรณ์สำรองหรือไม่ ทั้งนี้ในการไปถ่ายทำวีดีโอจริง ๆจะเป็นการถ่ายทั้งใน และนอกสถานที่ ซึ่งอาจมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น หรือมีปัญหาเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงถือว่าเป็นการฝึกฝนให้เด็กได้รู้จักคิดวางแผน ทำงานเป็นขั้นตอน ฝึกระเบียบวินัยของตนเอง และสามารถฝึกการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้
การปั้นลูกให้เป็นยูทูปเบอร์จะต้องสำรวจอย่างน้อย 3 ข้อ ดังนี้
1. ทำแล้วความสุข 
ข้อนี้ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการทำวิดีโอลูกของเราลงยูทูป ให้สำรวจดูว่าทำแล้วมีความสุขหรือไม่ มีตัวอย่างอยู่ 1 ตัวอย่างตอนไปที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีโอกาสไปสอนกลุ่มของพี่ท่านนึง ชื่อว่าพี่เหมียว มีลูกชื่อว่าน้องชิงชิง เป็นเด็กที่มีนิสัยร่าเริง จัดได้ว่าการแสดงออกสุดยอดมาก ๆ เหมาะกับการทำยูทูป ที่สำคัญกว่านั้นคือว่าน้องชิงชิง อายุประมาณซักไม่เกิน 8 – 9 ปีเอง แต่งานอดิเรกของน้องคือชอบเดินป่า ซึ่งตอนนั้นได้บอกกับพี่เหมียวไปว่าลองทำวิดีโอลงยูทูปเกี่ยวกับเรื่องการเดินป่า ลองทำเผื่อมีโอกาสที่จะเป็นยูทูปเบอร์ที่มีชื่อเสียง หลังจากแนะนำพี่เหมียวได้นำรูปมาให้ดู และได้เห็นน้องชิงชิงเดินป่า และเดินไกลได้ด้วย เนื้อตัวมอมแมมดูแล้วน่ารัก แนะนำให้ลุยได้เลย แต่ผลที่เกิดขึ้นคือ พี่เหมียวได้ให้ดูวิดีโอบางวิดีโอตอนไปเดินป่า จากเด็กคนหนึ่งครับที่มีนิสัยร่าเริงนะที่ชอบการเดินป่าเดินไปยิ้มไปมีความสุขไป แต่เมื่อเขาโดนกล้องถ่ายตอนเดินป่านั้น ความสุขที่น้องมีกลายเป็นน้องไม่มีความสุข จากรอยยิ้มที่มีมันเหมือนแห้งหายไป จึงได้กลับปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี เพราะน้องไม่ชอบที่จะโดนถ่ายวีดีโอ ถ้าถ่ายน้องจะเปลี่ยนเป็นคนละคน จากร่าเริงกลายเป็นไม่พูดไม่จา ทำหน้าบึ้ง เลยแนะนำว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ว่าต้องการให้ลูกเรามีชื่อเสียง ต้องการให้ลูกเราดังหรือเป็นเน็ตไอดอล แต่ลูกทำแล้วต้องมีความสุข ถ้าน้องชิงชิงไม่มีความสุขก็จะไม่ทำวิดีโอลงยูทูป ซึ่งพี่เหมียวก็ทำตามที่แนะนำ แล้วน้องก็กลับมาเป็นเด็กน่ารักเหมือนเดิม  ถึงแม้ว่าอาจจะไม่มีวิดีโอลงยูทูปแต่ว่าอย่างน้อยลูกก็มีความสุข ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อสำรวจแล้วว่าลูกของเราเมื่ออยู่หน้ากล้องแล้วยิ้มแย้มแจ่มใส ร่าเริง มีความสุข ถือว่าข้อแรกผ่าน สามารถเป็นยูทูปเบอร์ได้แล้ว
2. ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ
ให้เราสำรวจว่าลูกชอบทำกิจกรรมอะไรเป็นพิเศษบ้าง เช่น ชอบวาดรูป ชอบปลูกต้นไม้ ชอบเตะบอล เราก็ทำวิดีโอแนวนั้น แนวสิ่งที่ลูกชอบ อย่าไปบังคับให้ลูกทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ ที่ต้องบอกอย่างนี้เพราะว่ามีหลายครอบครัวเลยเห็นว่าช่องอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงช่องดังๆ ส่วนใหญ่จะให้ลูกไปนั่งรีวิวของเล่น ซึ่งลูกของเราอาจจะไม่ชอบนั่งรีวิวของเล่น แต่ลูกของเราชอบออกไปวิ่งเล่นแทน อันนี้เราจะต้องเลือกในสิ่งที่ลูกชอบถึงจะถูกต้อง เพราะว่านิสัยของเด็กอย่างที่รู้กันว่าถ้าเด็กโดนบังคับ หรือทำอะไรก็ตามแต่ที่เขาไม่ชอบ แน่นอนเขาทำแล้วก็จะหน้าบึ้งไม่มีความสุข ดูที่แววตาสีหน้าก็รู้ทันทีเลยว่าเขาไม่สนุก แล้วอาจส่งผลให้ออกมาแล้วดูไม่ดี ดูไม่สนุก 
ดังนั้นสำรวจเลยว่าลูกชอบอะไร เราก็ทำเรื่องนั้นลงยูทูป โดยที่อาจจะมีการทำเรื่องอื่นบ้างก็แล้วแต่ อาจจะถามลูกแล้วให้เขาเป็นมีตัวเลือก เป็นคนเลือกเลยดีกว่าว่าเขาจะทำอะไร สิ่งนั้นจะเป็นแนวทางที่คิดว่าน่าจะดีที่สุดนะให้เราสำรวจดู
3. ชอบการถ่ายวิดีโอแบบไหน
เด็กบางคนชอบการพูดหน้ากล้อง พูดเป็นต่อยหอยเลย เราก็เน้นไปที่ให้ลูกมีการพูดหน้ากล้องอาจจะทำเป็นแนวตอบคำถามให้ลูกถามตอบ มีการแนะนำให้ลูกพูดสรุปอะไรก็ได้ คือทำในสิ่งที่เขาชอบ หรือเด็กบางคนก็ไม่ค่อยชอบพูดหน้ากล้องแต่ว่าเขาชอบทำวิดีโอ ก็อาจจะถ่ายเป็นแนวว่าตอนที่เขานั่งเล่นของเล่นอยู่เราก็ถ่ายตอนที่เขาทำกิจกรรมต่างๆอยู่แทน อันนี้ก็ได้ เราต้องสำรวจของเราเองนะว่าลูกของเราชอบการทำวิดีโอแบบไหน ลองสำรวจให้ครบทั้ง 3 ข้อนี้แล้วนำไปใช้กับลูก ๆของตัวเองดูนะครับ
อุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายวิดีโอ
อุปกรณ์ที่ใช้แนะนำว่าไม่จำเป็นต้องลงทุนเยอะ สามารถใช้อุปกรณ์ที่มีก่อน พอมีรายได้เข้ามาแล้วก็ค่อยๆซื้ออุปกรณ์อย่างสองอย่าง  เราจะได้มีความสุขมันและไม่เครียด ไม่ใช่ลงทุนซื้อกล้อง DSLR ตัวใหม่ตัวละ 45,000 บาท ซื้ออย่างอื่นมาอีก 3,000 บาทลงทุนเกือบ 50,000 บาทแล้วก็หวังว่าเราจะถ่ายวิดีโอลงไปเพื่อที่จะได้มีสปอนเซอร์หรือมีรายได้กลับเข้ามา แบบนั้นทำแล้วเครียดเพราะเราจะสนใจไปที่เงินเป็นหลัก ให้เราสนใจความสุขของลูกดีกว่า ใช้อุปกรณ์ที่มีพอ อุปกรณ์ตัวแรกก็คือ  โทรศัพท์มือถือ ทุกคนมีอยู่แล้ว ที่แนะนำให้ซื้ออีกหนึ่งตัวและราคาไม่แพงด้วยก็คือ ไมโครโฟน ราคาประมาณ 400 – 500 บาท เอาไว้เวลาที่ลูกพูดหน้ากล้อง เสียงจะได้ฟังชัดเจน แล้วคนดูก็จะชอบมากขึ้น โอกาสที่จะเป็นยูทูปเบอร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมันก็จะเพิ่มมากขึ้น และขาตั้งกล้อง
วิธีการถ่ายทำสำหรับแนวครอบครัว หรือถ่ายทำแนวคิดของเด็ก แบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ 
แบบที่ 1. พ่อ แม่ ลูก แสดงร่วมกัน
เช่น การนั่งทำกิจกรรมร่วมกัน อาจจะปั้นดินน้ำมันร่วมกัน พูดคุยกัน วิธีนี้อาจจะใช้การตั้งกล้องไว้นิ่งๆ หรืออาจจะให้แม่นั่งคนเดียวก็ได้  พ่อทำหน้าที่ในการถ่ายวิดีโอ อาจจะเปลี่ยนมุมบ้าง สลับหน้าแม่และลูก หรือถ่ายมือตอนปั้นดินน้ำมัน 
ข้อดี คือ ทำได้ง่ายที่สุด แค่ตั้งกล้องอยู่นิ่งๆ เน้นนภาพการทำกิจกรรม ความน่ารัก ใสซื่อของเด็ก
แบบที่ 2. พ่อ แม่ ลูก แสดงร่วมกัน มีเรื่องราวสอดแทรกเนื้อหาคำสอน
ก็จะคล้ายๆ กันก็ คือพ่อกับแม่ก็แสดงร่วมกับลูกเลย แต่มีการแสดงเป็นเรื่องเป็นราว ยกตัวอย่างเช่น แสดงให้เด็กรู้จักวิธีการขอบคุณทำอย่างไร อาจจะเขียนเป็นบท เช่น แม่ซื้อของมาให้ลูกแล้วก็สอนลูกว่า เวลารับของจากใครจะต้องกล่าวขอบคุณด้วย ทำเป็นเรื่องราวสอดแทรกถึงคำสอนต่างๆ ลงไปเนื้อเรื่อง มีเรียกโอกาสที่จะได้ยอดวิว และคนติดตามเยอะกว่าแบบแรกเยอะ เพราะว่านิสัยคนดูชอบอะไรที่มันเป็นเรื่องราวมากกว่า แบบใบที่ 2 มีโอกาสดังกว่าก็จริงแต่ว่าการถ่ายทำนั้นยากกว่า เพราะว่าจะต้องมีการคิดเนื้อเรื่อง มีการเปลี่ยนมุมกล้องบ้าง ถ้าใครทำได้ก็ทำเลย แต่ถ้าใครบอกว่ามันยากไปก็เริ่มจากแบบที่1 ก่อนแล้วค่อยพัฒนามาแบบที่ 2 
แบบที่ 3. ลูกแสดงคนเดียว พ่อกับแม่มีหน้าที่ในการตั้งคำถามให้ลูกพูดกลับมา
แตกต่างจากแบบที่1 ไม่มากนัก คือ ลูกนั่งแสดงคนเดียว แล้วพ่อแม่จะเป็นคนถ่ายทำ โดยพ่อแม่ครับอาจจะเป็นคนที่ช่วยตั้งคำถาม เป็นแบบถามมาตอบไป พ่อแม่จะคอยแนะนำให้ลูก โดยพูดเข้าไปในกล้องเลยแบบนี้ก็ได้ ลูกแสดงคนเดียว ซึ่งแบบนี้ก็ทำง่ายเหมือนแบบที่ 1 เลย ซึ่งผมแนะนำว่าให้เราลองทำแบบนี้ หรือแบบที่ 1 ไปก่อน เมื่อคล่องตัวแล้วค่อยทำแบบที่ 2 อันนี้ ก็คือ ปั้นลูกให้เป็น Youtuber ที่มีชื่อเสียง ทำอย่างไร
ขอสรุปแบบคร่าวๆ ก็คือ สำคัญที่สุดเราต้องสำรวจก่อนว่าลูกเราทำไปแล้วมีความสุขหรือเปล่า แล้วก็ต้องดูว่าลูกชอบทำกิจกรรมอะไรเป็นพิเศษบ้าง และชอบการวิดีโอแบบไหน อุปกรณ์ที่ใช้ก็มี โทรศัพท์มือถือกับไมโครโฟนเท่านั้นเอง และวิธีการถ่ายทำก็จะมีแบบว่าพ่อแม่ไปแสดงกับลูกนั่งแสดงร่วมกันเลยก็ได้ หรือว่าคิดเป็นเรื่องเป็นราวเขียนสคริปขึ้นมาเลยเป็นการสอดแทรกคำสอนลงไปกับเรื่องราว แบบนี้แม่จะทำหน้าที่ในการตั้งคำถามไปให้ลูกตอบกลับมา แบบนี้ก็ได้เช่นเดียวกัน
หากมีข้อสงสัยอะไร ต้องการเรียนรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการเป็นยูทูปเบอร์ การถ่ายวิดีโอ ตัดต่อวีดีโอ สามารถสอบถามมาได้ที่แฟนเพจหรือที่ไลน์ @sekyoutube แล้วอย่าลืมว่าอย่าให้เด็ก ๆ ดูยูทูปอย่างเดียวให้ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเล่น การอ่านหนังสือ หรือกิจกรรมอื่น ๆบ้าง เด็ก ๆจะได้มีการมีการฝึกพัฒนาในหลาย ๆ ด้านให้ครบถ้วน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *